ไม่ใช่แค่ช่วงวันไหว้ตรุษจีนเท่านั้นที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมทำ ขนมเข่ง ยังมีงานไหว้เจ้าในช่วงอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ขนมชนิดนี้ด้วยเช่นกัน ทีนี้หากบ้านไหนถือธรรมเนียมโบราณ ก็จะนิยมทำกันเองในครัวเรือน ไม่ซื้อแบบที่เขาวางขายสำเร็จตามตลาดทั่วไป ด้วยเชื่อว่าทำเองก็ได้บุญกุศลไปด้วย ได้ใส่ส่วนผสมดีๆ ตามความต้องการแล้วเมื่อเหลือจากการไหว้ขอพรแล้ว ลูกหลานก็จะได้ทานของคุณภาพ

ขนมเข่ง นำประยุกต์ทำเมนูใหม่ ๆ หลังการไหว้เจ้าเสร็จ

                เมื่อต้องทำกันเองแล้ว ปริมาณในการทำขนมเข่งแต่ละครั้งเลยค่อนข้างเยอะ อย่างน้อยก็เป็นหลัก 20-30 อัน คือเต็มลังนึ่งถาดหนึ่งนั่นเอง พอไหว้เสร็จแล้ว แบ่งกันไปทานแต่ละครอบครัวแล้ว ก็อาจจะยังเหลืออยู่อีก ด้วยว่าขนมนี้มีส่วนประกอบของแป้งมาก ทานไม่กี่ชิ้นก็อิ่มท้องแล้ว ทีเหลือก็ต้องเก็บเข้าตู้เย็นไว้อย่างนั้นเอง ครั้นจะนำมาอุ่นทานใหม่ก็ทำได้ไม่กี่อันก็เบื่อแล้ว มันจึงต้องมีวิธีการประยุกต์ทำเมนูใหม่ๆ บ้าง ที่น่าสนใจก็มีดังนี้

ชุบไข่ทอด

            จะทำให้เป็นสไตล์ของคาวหรือเป็นของทานเล่นก็ได้ เพียงแค่นำขนมเข่งที่เหลืออยู่มาฝานให้เป็นแผ่นบาง แล้วตากแดดให้พอแห้งเล็กน้อย ระวังอย่าให้แห้งจนกลายเป็นข้าวเกรียบไป เวลาจะทำก็ชุบกับไข่ไก่ที่ตีให้เข้ากันดีแล้ว จะเติมแป้งกรอบลงไปเล็กน้อยก็พอได้ จากนั้นนำลงทอดด้วยระดับไฟกลาง ทอดให้ด้านนอกพอเหลืองกรอบก็นำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ทานกับน้ำจิ้มได้หลากหลายแบบ

บัวลอย

            เมนูอาหารง่าย ๆ ถ้าเบื่อการทอดแบบชุบไข่เต็มที ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นเมนูแบบหวานๆ ได้เหมือนกัน แถมยังใช้เวลาในการทำไม่นานด้วย นั่นก็คือทำเป็นบัวลอยน้ำกะทิ จะใส่ไข่หวานด้วยหรือไม่ก็ตามใจชอบ วิธีการทำเหมือนกับการทำบัวลอยตามปกติ เพียงแต่เราจะนำขนมเข่งมาหั่นให้เป็นลูกเต๋าขนาดเล็ก ใช้แทนส่วนของบัวลอยที่เป็นแป้งปั้น รสชาติก็จะต่างกันเล็กน้อย มีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ แต่ต้องปรุงน้ำกะทิให้มีความเค็มเล็กน้อยเพื่อตัดไม่ให้เลี่ยนเกินไป

เมนูแนะนำ 3 เมนู ขนมหวานจากแป้ง กับ 3 สัญชาติอร่อยหอมหวานทานแล้วต้องติดใจ