แฮมเบอร์เกอร์ ทานง่าย อิ่ม อร่อย อาหารฟาสต์ฟู๊ดที่ได้รับความนิยม

แฮมเบอร์เกอร์

แฮมเบอร์เกอร์ ทานง่าย อิ่ม อร่อย อาหารฟาสต์ฟู๊ดที่ได้รับความนิยม

สำหรับสังคมในยุคปัจจุบันการแข่งกับเวลาถือว่าเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ทำให้หลายๆ คนมักจะละเลยการทานมื้อเช้า มื้ออาหารที่สำคัญของมนุษย์เราไป และด้วยการแข่งขันกับเวลาเลยทำให้มีอาการประเภทฟาสต์ฟู๊ดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ให้กับคนวัยทำงานและวัยเรียนได้รับประทานกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งอาหารฟาสต์ฟู๊ดชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในประเทศไทยและต่างชาติ คงจะหนีไม่พ้น แฮมเบอร์เกอร์ นั่นเอง

แฮมเบอร์เกอร์

            แฮมเบอร์เกอร์ กับจุดกำเนิดในเอเชีย

                จุดกำเนิดที่แน่นอนของ แฮมเบอร์เกอร์ นั้นไม่มีใครระบุได้ว่าเป็นที่ไหน แต่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดอยู่ในประเทศมองโกเลีย ซึ่งมีการนำเนื้อบดมาปั้น จากนั้นก็มีการพลิกแพลงด้วยการใส่ไข่และหอมใหญ่ลงไป โดยอาหารชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า “Steak Tartare” จนกระทั่งถึงช่วงทศวรรษที่ 17 ตอนนั้นมีการแผ่อาณานิคมของยุโรป ชาวเยอรมนี ได้เดินทางมายังมองโกเลียและได้นำ สูตรการทำอาหาร ชนิดนี้กลับไปด้วย จากนั้นในทศวรรษที่ 18 ชาวเมืองฮัมบูร์ก บางส่วนได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกา พร้อมกับนำการทำอาหารชนิดนี้ติดมาด้วย อาหารอร่อย ซึ่งนั่นเลยทำให้หลายคนรู้จักอาหารชนิดนี้ตามชื่อของชาวเมืองที่อพยพมาจากฮัมบูร์ก ซึ่งตอนหลังกลายเป็นอาหารที่ชื่อว่า Hamburg Steak

แฮมเบอร์เกอร์ อาหารฟาสต์ฟู๊ด

            วิวัฒนาการจนเป็นเบอร์เกอร์ในปัจจุบัน

                แม้ว่าตามบันทึกแล้วชาวฮัมบูร์กคือคนกลุ่มแรกที่เอาอาหารชนิดนี้เข้ามาในสหรัฐอเมริกา แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครรู้ว่าทำไมจึงกลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์อย่างที่ทุกคนเห็นในปัจจุบัน ซึ่งตามบันทึกมีระบุไว้ 2 อย่างคือ ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Fletcher Davis ที่ทำอาหารไม่ทันเลยเอาเนื้อไปวางไว้ตรงกลางของขนมปังสองแผ่น และนำไปเสิร์ฟ กับอีกบันทึกหนึ่งคือ Charlie Nagreen เด็กวัย 15 ปี ที่ตอนแรกขาย แฮมเบิร์ก สเต็ก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคนไม่อยากจะหยุดเดินแล้วทาน ทำให้เขาเกิดไอเดียขึ้นมานั่นคือการนำ เนื้อและผักไปเป็นไส้ตรงกลางระหว่างขนมปังและห่อด้วยกระดาษทิชชู่หรือห่อกระดาษที่สะอาดและให้คนเดินถือกินได้เลย ufabetpremier ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างแพร่หลายและสุดท้ายก็กลายมาเป็น แฮมเบอร์เกอร์ ในปัจจุบันนั่นเอง

Latest Posts

Back To Top