Category: แกง

อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารไทย แกง

สอนทำเมนูเพื่อสุขภาพ แกงฟักทองน้ำใส ไว้ทานเองที่บ้านง่าย ๆ

แกงฟักทองน้ำใส ฟักทอง ผักที่มีสารอาหารครบถ้วนแค่นั้นยังไม่พอมันมีกากใยและเนื้อเยื้อที่ทานแล้วทำให้อิ่มท้องไว้ด้วยเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมากเพราะเมนูที่แนะนำนี้เป็นแกงฟังทองแบบน้ำใสไม่ใช่แบบน้ำข้นที่ใสจำพวกกะทิและผงชูรสแต่อย่างใด ทางนักเขียนจะเน้นทำอาหารแบบอ่อน ๆ เพราะภายบ้านนักเขียนนั้นมีผู้สูงอายุอยู่ด้วยท่านทานแบบรสจัดเผ็ดแบบหนักมากไม่ค่อยได้ สูตรที่จะแบ่งปันนี้เป็นสูตรส่วนตัวของคุณแม่นักเขียนเอง ท่านเคยบอกว่าเมื่อสมัยก่อนตอนที่ท่านยังเด็ก มีอะไรทานท่านก็ทานไม่ได้มีให้เลือกเหมือนสมัยนี้รสชาติมันก็อาจจะโบราณเล็กน้อยหลังจากที่ได้รับประทาน เอาล่ะ มาเริ่มดูวัตถุดิบและวิธีทำกันเลยเถอะ เคล็ดลับการทำ แกงฟักทองน้ำใส ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอาหาร วัตถุดิบในแกงฟักทองน้ำใส ฟักทองดิบ 1 ลูก เนื้อไก่หรือเนื้อหมู 1 ชิ้น พริกสด 3 ชิ้น ใบกระเพรา 1 กำ น้ำปลา วิธีทำแกงฟักทองน้ำใส ให้เริ่มจากการปอกเปลือกฟักทองให้เรียบร้อยหลังจากนั้นให้หั่นออกเป็น 4 แฉกและเริ่มหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำที่เราจะทานและตามด้วยหั่นพริกสดเป็น 2 ซีกและล้างใบกระเพราให้เรียบร้อย -จากนั้นให้ตั้งกระทะไม่ต้องใส่น้ำมันให้ใส่น้ำเปล่าที่สะอาดลงไปประมาณ 2 แก้วปานกลาง-จากนั้นให้เริ่มจากการต้มฟักทองก่อน ให้ใช้ไฟที่ระดับอ่อนเพราะถ้าเร่งไฟจะทำให้เนื้อฟักทองแข็ง ให้ใช้ไฟเบาแทนเพราะมันจะทำให้เนื้อฟักทองนั้นนิ่มให้เริ่มต้มไปก่อน 10 นาทีหลังจากนั้นให้ใส่พริกสดลงไปให้หมดและต้มอีก 3 นาที-ปรุงรสโดยใช้แค่น้ำปลาอย่างเดียวใส่ไปเลยประมาณ 2 ช้อนชาจาก คนให้เข้ากันให้เรียบร้อยและใส่เนื้อไก่ลงไป เนื้อไก่ให้หั่นก่อนใส่ลงไปจากนั้นก็ปิดฝ่ากระทะเป็นเวลา 5 นาทีแต่เร่งไฟไปอีก 1 ระดับ ทำการคนให้เรียบร้อยและให้ใส่ใบกะเพราลงไปให้หมดและคนไปเรื่อย ๆ จนกว่ากลิ่นของงใบกระเพราจะเริ่มแรงขึ้นมา หลังจากนั้นให้ปิดฝาหม้ออีก […]

อาหารไทย เคล็ดลับการทำอาหาร แกง

เมนูแนะนำ แกงพะแนงหมู อาหารรสชาติเลิศที่ดีที่สุดและคู่ครัวกับคนไทยมานาน

แกงพะแนงหมู เป็นอาหารที่คู่ครัวกับคนไทยมาแสนนานคนไทยส่วนใหญ่นั้น ล้วนแล้วแต่ที่จะชอบทานเป็นอย่างมาก ซึ้งเป็นอาหารที่มีรสชาติที่จัดจ้านและมีรสชาติเฉพาะตัวที่ไม่อาจมีแกงที่ไหนเหมือนได้เพราะเป็นอาหารที่คิดค้นมาช้านานเลยทีเดียว เคล็ดลับการทำ แกงพะแนงหมู ให้อร่อยรสชาติเข็มข้น การทำพริกแกงมีดังนี้ นำพริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำ นำคะไคร้ ข่า หอมแดง มาซอย และนำผิวมะกรูดหั่นเป็นชิ้นๆ และรากผักชี กระเทียม เกลือป่น กะปิ ผักชีคั่ว จากนั้นนำวัตถุดิบที่เตรียมไว้นั้นมาตำให้เข้ากันจะละเอียด และทำการใส่กะปิลงไปแล้วตำให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นเป็นอันเสร็จจากการทำพริกแกง แกงพะแนงหมูนั้นมีขั้นตอบทำอย่างไรกันบ้าง อุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับการทำมีดังนี้ เนื้อหมู พริกชี้ฟ้าแดงหรือเขียว ใบโหระพา ใบมะกรูด หัวกะทิ หางกะทิ พริกแกงพะแนง น้ำตาลปีบ น้ำปลา แต่ขอแนะนำว่าเราควรตำพริกแกงเอง เพื่อที่จะได้มีรสชาติที่เหมือนต้นฉบับบหรือถูกใจเรา แต่ถ้าใครมีเวลาไม่มากก็มีให้หาซื้อได้ตามตลาดและห้างสรรพสินค้าทั่วไป ขั้นตอนการทำแกงพะแนงหมูมีขั้นตอนอย่างไรกันบ้าง ขั้นแรกการเตรียมกระทะโดยใช้ไฟกลางแล้วนำกะทิมาเทเคี่ยวให้แตกมัน จากนั้นนำพริกแกงพะแนงที่มีเทใส่ลงไปและผัดให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อหมูที่เตรียมไว้ลงไปและทำการเพิ่มไฟเป็นไฟแรงผัดให้เข้ากันเพื่อจะไม่ให้เนื้อหมูเป็นก้อน แล้วทำการเติมหางกะทิตามความชอบพอให้น้ำขลุกขลิก สังเกตว่าหมูเริ่มสุกก็ปรุงรสชาติที่ชอบและใส่ใบโหระพาพร้อมใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า จากนั้นคนให้เข้ากัน กล่าวโดยสรุปได้ว่าตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ เป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันทุกครอบครัว จากสูตรเมนูนี้ที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าหากว่าใครสนใจจะนำมารับประทานหรือนำไปสร้างรายได้ ก็สามารถทำตามสูตรข้างต้นนี้ได้เลยค่ะ สามารถทำขายได้เลยนะคะ ซึ่งเป็นการที่เราอาจจะสร้างเวลาว่างให้เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น ฝากกดติดตาม อาหารอร่อยเมนูที่น่าสนใจ แกงเทโพ หมูสามชั้น […]

ต้ม ทอด ผัด รีวิวร้านอาหาร อาหารทั่วไป อาหารไทย แกง

อาหารพื้นบ้าน ของดีแต่ละภาคที่แตกต่างกัน แต่รับรองได้กินแล้วจะติดใจ

            หลายครั้งเมื่อเราได้ออกไปท่องเที่ยว ทีเด็ดนอกจากสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อน ผู้คน วัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่น ก็จะต้องเป็นอาหารของอร่อย อาหารพื้นบ้าน แต่ละภาค ที่ล้วนแล้วแต่มีรสชาติแตกต่างกันไปตามความเป็นมาของแต่ละภาค แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันคือ ความอร่อยของอาหารที่เป็นอาหารประจำภาค หรืออาจเรียกได้ว่าอาหารประจำจังหวัด ที่หากไปเยือนถึงถิ่นแล้ว ต้องได้ทานให้ได้ หากไม่ได้ก็จะเหมือนไม่ได้ไปถึงที่ โดย อาหารพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่นแต่ละภาคมีไฮไลท์ต่างกันออกไป             ภาคเหนือ             อาหารของภาคเหนือแม้ว่าจะไม่มีรสชาติจัดจ้าน แต่ความอร่อยละมุนลิ้นไม่เป็นสองรองอาหารท้องถิ่นประจำภาคอื่นๆ เอกลักษณ์สำคัญของอาหารเหนือนั้น มักจะใช้พืชผักสวนครัวประจำบ้านอย่างผักพื้นเมือง เช่น ผักเชียงดา ผักหวานบ้าน ผักแค มะระขี้นก เป็นต้น ซึ่งมักจะนำมาประกอบอาหารต่างๆ จนกลายเป็นอาหารประจำภาคมีรสชาติอร่อย นัวในแบบฉบับล้านนา  เช่น แกงโฮะ, น้ำพริกอ่อง, แกงคั่วผักแค, ยำผักเฮือน เป็นต้น              ภาคอีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ             อาหารอีสานขึ้นชื่อในเรื่องของความแซ่บซี๊ด เรียกได้ว่าครบเครื่องครบรส ด้วยเพราะสภาพพื้นที่ภูมิภาคค่อนข้างแห้งแล้ง อาหารของภาคอีสานจึงมักเป็นของที่หาทานกันแบบง่ายๆ เน้นรสชาติที่แซ่บโดนใจ อีกทั้ง “ส้มตำ” ยังเป็นทีเด็ดอาหารประจำภาคอีสานอีกด้วย ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากประเทศลาว อาหารประจำภาคที่อร่อยเด็ดไม่แพ้กัน เช่น […]

อาหารไทย แกง

เมนูแนะนำ แกงเทโพ หมูสามชั้น อาหารไทยสูตรอร่อยที่เข้มข้นไปด้วยเครื่องแกง

          แกงเทโพ หมูสามชั้น แกงกะทิที่อุดมไปด้วยผักบุ้งช่วยให้ตาหวาน พร้อมหมูสามชั้นแสนอร่อย ผสานกับเครื่องแกงและการปรุงรสที่ลงตัวมาเป็นแกงเทโพแสนอร่อย เราไปพบกับกรรมวิธีการทำแกงเทโพกันเลย เคล็ดลับการทำเมนู แกงเทโพ หมูสามชั้น ที่ทำได้ง่าย ๆ วัตถุดิบสำหรับเมนูแกงเทโพ 1.เนื้อหมูสามชั้น ปริมาณ 300 กรัม หรือ 3 ขีด 2.ผักบุ้ง ปริมาณ 2 – 3 มัด 3.น้ำพริกแกงเผ็ด ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ 4.กะทิ ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด 5.น้ำสะอาด ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด 6.น้ำปลา ปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะ 7.น้ำมะกรูด ปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะ 8.น้ำมะขามเปียก ปริมาณ 6 ช้อนโต๊ะ […]

อาหารไทย แกง

เคล็ดลับการทำ เมนูแกงมัสมั่นไก่ ที่มีรสเข็มข้นของเครื่องแกง

           เมนูแกงมัสมั่นไก่ เป็นเมนูครื่องแกงที่เราเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว อาจทำให้ใครหลายๆ คนเกิดความแปลกใจรวมถึงอยากพิสูจน์ว่าแกงมัสมั่นนี้จะมีอนุภาคได้ถึงเพียงนั่นกันเลยหรือ สำหรับวันนี้เราจะมารวมพิสูจน์ไปพร้อมๆ กันด้วยการทำมัสมั่นไก่ เราไปดูกรรมวิธีการทำพร้อมๆ กันเลย   เมนูแกงมัสมั่นไก่ กับวิธีและขั้นตอนทำง่าย ๆ แถมอร่อยด้วย วัตถุดิบ 1. เนื้อไก่ ปริมาณ 500 กรัม หรือ 5 ขีด 2.มะเขือเทศ ปริมาณ 2 – 3 ลูก 3.พริกแกงมัสมั่น ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด 4.หัวกะทิ ปริมาณ 200 มิลลิลิตร 5.หางกะทิ ปริมาณ 300 มิลลิลิตร 6.มันฝรั่ง ปริมาณ 1- 2 หัว 7.หอมหัวใหญ่ ปริมาณ 2 หัว 8.น้ำตาลมะพร้าว ปริมาณ 2 […]

Back To Top